เก่งอังกฤษด้วยศิลปะ

5/5 - (2 votes)

 

Play&Learn เดือนนี้ เราพาคุณพ่อคุณแม่ มารู้จัก ColorfulEnglish พื้นที่สร้างสรรค์ที่เปิดกว้างจินตนาการ ที่ให้เด็กๆ สัมผัส หยิบ จับ ชิมและเรียนรู้ผ่านการทดลอง สร้างผลงานศิลปะและเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์แบบสนุกๆ พร้อมกับ
เก่งภาษาอังกฤษ ไปพร้อมๆ กัน…จะเรียนรู้ สนุกกันแบบไหน เป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามกันค่ะ

 

ครูแอน – ฬุจิเรศ อัมหิรัญ เล่าถึงที่มาที่ไปของโรงเรียน ที่ให้ความมั่นใจว่าการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เรื่องยาก หากผู้ปกครองเข้าใจวิธีการเรียนรู้ตามช่วงวัยของเด็กจริงๆ “แอนเรียนจบทางด้านศิลปะ การวาดภาพประกอบ มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ตอนจบใหม่ๆ กลับมาทำงานที่เมืองไทย ทำงานทางด้านงานแปลภาษา ตอนนั้นรู้สึกว่าทำได้แต่ไม่มีความสุข ก็เลยคิดว่า เราจะทำอะไร จนรู้สึกว่าอยากเปิดโรงเรียน เป็นฝันที่มีมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าอยากทำ ผนวกกับแอนเห็นว่ามีโรงเรียนที่สอนภาษาอังกฤษแนวบูรณาการไม่มากเท่าไหร่นัก ถ้าเช่นนั้นเราเปิดเองดีกว่า เพราะเป็นความฝันที่อยากเปิดโรงเรียนแนวนี้

เริ่มแรกใช้ความรู้ด้านศิลปะที่เรียนมาสอนศิลปะกับภาษาก่อน พอเปิดโรงเรียนสักพัก ก็มีแนวคิดใหม่ๆ เพิ่ม เพราะตัวแอนเองเป็นเด็กเรียนสายวิทยาศาสตร์ทางด้านเคมี ครอบครัวก็จบทางด้านนี้ อีกอย่างตอนอยู่ที่อเมริกา เวลาเห็นเด็กๆ เรียนวิทยาศาสตร์กันแอนเห็นเด็กๆ สนุกสนานมาก กิจกรรมวิทยาศาสตร์ที่นั่น คือสิ่งรอบตัวที่เด็กๆ นำมาประยุกต์ ทำให้เป็นเรื่องเล่น เรียนรู้แบบสนุก เลยนำกิจกรรมวิทยาศาสตร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในคลาสด้วย ลักษณะการเรียนที่นี่ มีทั้งการเรียนแบบเดี่ยวและกลุ่ม อายุตั้งแต่ 2 – 3 ปี และ 4 – 6 ปี สำหรับรุ่นเล็กและเด็กโต 7 – 12 ปี

ครั้งแรกที่ผู้ปกครองพาเด็กๆ มา จะคุยกับผู้ปกครองก่อนว่า น้องมีความสนใจอยากเรียนแบบไหน แนะนำคลาสที่เรามี ซึ่งมีเลือก 3 รูปแบบด้วยกัน คือศิลปะ (ที่หลากหลายรูปแบบ) กิจกรรมวิทยาศาสตร์และเกม โดยจะให้เด็กๆ ทดลองเรียนก่อน 1 รอบ แล้วก็สังเกตความสนใจของเด็กว่าชอบหรือสนใจแบบไหน แรกๆ ความสนใจอาจยังแสดงออกไม่ชัดแต่ก็ต้องค่อยๆ ดูกัน ประมาณ 1 เดือนก็พอจะรู้ได้ว่า ความสนใจของเขาไปทางด้านไหน

จากนั้นก็จะค่อยๆ แทรกภาษาอังกฤษเข้าไปในกิจกรรมการเรียนในคลาส ทั้งนี้เด็กที่ไม่มีพื้นฐานเรื่องภาษาอังกฤษมาก่อน แอนจะสอนด้วยการใช้ Body Languages ให้เด็กดู เช่น this is … color (พูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่สีนั้นๆ) เพราะอยากให้การเรียนรู้ภาษาของเด็ก เป็นเรื่องธรรมชาติมากที่สุด ใช้เรื่องใกล้ตัวมาเป็นคำศัพท์ง่ายๆ ให้เขาเรียนรู้ แอนจะเน้นการใช้งานเด็ก เพื่อให้เขาลงมือทำ เพื่อสื่อสารและเป็นการตั้งคำถามให้เขาตอบ เป็นการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษและงานศิลปะไปด้วย

 

ยิ่งเด็กที่ไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษ ช่วงแรกๆ แอนจะพูดบ่อย พูดซ้ำๆ เพื่อให้เขาค่อยๆ ซึมซับ รู้จักคลังศัพท์ที่สำคัญแอนจะไม่กดดัน ยัดเยียดคำศัพท์ให้เด็ก เพราะเด็กจะรู้สึกไม่มีต่อภาษา สมองของเด็กจะเกิดการต่อต้าน การเปิดรับของสมองที่ดีต้องมาจากความสนใจ ความสนุกของเด็กเป็นหลัก จากที่ผ่านมาเบื้องต้นเด็กจะต้องรู้คำศัพท์ที่เขาควรรู้เกี่ยวกับกิจกรรมได้ เช่น Cut คืออะไร Draw คืออะไร หลังจากที่เขาเรียนรู้สักระยะเด็กๆ สามารถก็เข้าใจคำศัพท์ที่แอนพูดได้ ก็รู้สึกว่าวิธีการสอนของแอนมาถูกทางค่ะ”ด้วยดีกรีความรู้ที่เรียนและประสบการณ์การสอน การคลุกคลีอยู่กับเด็กๆ ครูแอนอธิบายถึงประโยชน์ดีๆ จากกิจกรรมที่เปิดสอน แนะนำถึงแนวทางการเรียนรู้ที่ดี ที่ต้องมีพ่อแม่เป็นผู้ช่วยคนสำคัญ จะเป็นอย่างไรนั้นมาฟังข้อมูลจากครูแอนกันค่ะ“ประโยชน์จากกิจกรรมศิลปะ เด็กๆ มีพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมือมัดเล็กที่ดี จากการจับดินสอ การระบายสี ที่สำคัญเขาสามารถเรียนรู้โดยอ้อมได้ว่า ศิลปะมีความหลากหลายเพราะแอนจะเน้นเรื่องอุปกรณ์ที่แตกต่าง หลากหลายในการเรียนรู้เป็นหลัก เช่น ปกติเราอาจใช้พู่กันในการระบายสี แต่แอนให้เด็กๆ ใช้นิ้วมือของเขาเองแทน เพราะแอนเชื่อว่าการที่เขาเรียนรู้ รู้จักอุปกรณ์แตกต่างและหลากหลายจากงานศิลปะ ในอนาคตวันข้างหน้าเขาจะเข้าใจ สามารถนำไปประยุกต์กับการใช้ชีวิตได้ว่า เวลาที่ปัญหา มีความทุกข์ เขามีทางเลือกหลายทางที่จะแก้ไข

 

อีกประเด็นก็คือ สมาธิของเด็กเล็กๆ ค่อนข้างสั้นกว่าเด็กวัยเรียน กิจกรรมวิทยาศาสตร์หรือศิลปะเป็นกิจกรรมที่ชวนตื่นเต้น ชวนเรียนรู้ จึงมีส่วนในกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ ได้ดี สิ่งสำคัญคือ ผู้ปกครองก็ต้องช่วยมีส่วนในการเรียนรู้ของเด็กๆ ด้วย ทุกครั้งก่อนกลับบ้าน แอนจะมีเอกสารแจ้งคุณพ่อคุณแม่ว่า วันนี้น้องเรียนอะไร ได้คำศัพท์อะไรไปบ้าง ประโยชน์ของกิจกรรมที่เรียนคืออะไร แอนคุยกับพ่อแม่ค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเด็กเล็กพ่อแม่จะเข้ามาดูกิจกรรมด้วย แอนจะบอกให้คุณพ่อคุณแม่กลับไปต่อยอดที่บ้านด้วย หรือถ้าเด็กสนใจอะไรเป็นพิเศษ ก็จะเพิ่มคลังศัพท์ให้ด้วยค่ะ”

ฟังเสียงจากผู้ปกครอง บรรดาคุณแม่ๆ ที่ให้ข้อมูลเรื่องการเรียน พร้อมคำแนะนำจากประสบการณ์ตรง ที่พาลูกๆ มาเรียนกับคุณครูแอน ที่ ColorfulEnglish กันค่ะ

 

• แม่ฉิง – ศลีลา ทันการ

คุณแม่น้องมิลิณ ทันการ เล่าเหตุผลที่พาลูกสาวมาเรียนกับครูแอนว่า
“น้องมิลิณเป็นเด็กซุกซน ไม่อยู่นิ่ง จึงอยากหากิจกรรมที่ช่วยให้น้องมีสมาธิ ซึ่งตอนนั้นน้องยังเล็ก อายุ 2.5 ปี ครูแอนแนะนำว่า อยากให้น้องโตกว่านี้ อายุสัก 4 ปีจะดีกว่า คุณแม่ดูข้อมูลจากโบรชัวร์อ่านแล้วรู้ว่า มีกิจกรรมวิทยาศาสตร์ก็รู้สึกว่าแปลกดี พอคุยกับครูแอนด้วยแล้ว ทำให้รู้ว่าครูแอนเคยบำบัดเด็กสมาธิสั้นมาก่อน ซึ่งโดยส่วนตัวรู้สึกว่าครูแอนมีจิตวิทยาในการสอนเด็ก รักเด็ก ทำให้อยากพาน้องมิลิณมาเรียน พอมาแล้วน้องเขาก็สนใจดีค่ะ ฟังครูแอนดี อีกอย่างคงเป็นเพราะกิจกรรมน่าสนใจด้วยตอนแรกที่ตั้งใจพาเขามาไม่ได้คาดหวังเกี่ยวกับเรื่องภาษาอะไรเลย แค่อยากให้เขามีกิจกรรมที่ช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น คุณแม่คิดว่าภาษาคือผลพลอยได้เป็นการเรียนรู้แบบซึมซับโดยไม่รู้ตัว การที่เขาจะเก่งหรือไม่เก่งทางด้านภาษาคงแล้วแต่ตัวน้อง คุณแม่หวังเพียงแค่อยากให้เขาสนุกกับการมาเรียนที่นี่ ตอนนี้น้องมิลิณเรียนได้ 4 สัปดาห์แล้วค่ะ”

 

• แม่เมย์ – สุรดา ไกรยูรเสน

วันนี้คุณแม่เมย์มาพร้อมกับคุณพ่อ (คุณฟอร์ด ไกรยูรเสน) มาร่วมกิจกรรมอยู่ข้างๆ น้องเฮงเฮง พูดคุยถึงกิจกรรมวันหยุดของลูกวัยซนค่ะ “พอดีเห็นป้ายโฆษณาของโรงเรียน เลยเข้าไปดูเว็บไซต์เช็กข้อมูลของโรงเรียนดูแล้วก็สนใจ การเดินทางก็ไม่ไกลกันมากเลยพามาเรียนค่ะ แม่อยากให้น้องได้ทักษะเรื่องภาษา ซึ่งโรงเรียนของน้องก็สอนภาษาอังกฤษอยู่แล้ว แต่มองว่าที่นี่มีกิจกรรมที่ช่วยให้ลูกได้เรียนรู้ทั้งศิลปะ วิทยาศาสตร์ และภาษา อยากได้โรงเรียนที่ลูกเรามาเรียนแล้วสนุก คุณแม่ก็สังเกตนะ ว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไร เพราะรู้ว่าน้องเป็นเด็กที่เข้ากับคนอื่นยาก แต่กิจกรรมที่นี่ช่วยให้เด็กๆ สนุก สร้างการมีส่วนร่วมของเด็กๆ ได้ดี ที่ชอบมากก็คือ ครูแอนบอกว่าศิลปะที่นี่ไม่มีมีรูปแบบ ไม่สวยนะ ซึ่งก็เห็นด้วย เพราะน้องเฮงเฮงอายุไม่ถึง 3 ปี มาเรียนแล้วจะทำให้น้องวาดรูปสวยก็คงไม่ใช่ รูปแบบการสอนของครูแอนค่อนข้างมีการสอนที่ตรงกับช่วงวัยของเด็ก ผนวกกับสร้างต้นทุนด้านภาษา ก็ยิ่งช่วยทำให้เขาเข้าใจเรื่องภาษาอังกฤษผ่านกิจกรรมที่ทำ คุณแม่ไม่ชอบการเรียนแบบท่องศัพท์ แต่อยากได้การเรียนรู้ที่สื่อสารกันไปเลย เหมือนการพูดภาษาไทยในกิจวัตรประจำวัน ที่นี่ปล่อยให้เด็กๆ ได้เปิดโลกจินตนาการเต็มที่ จะเลอะก็เลอะไม่เป็นไร ไม่มีข้อจำกัด มีอิสระกับการจับ การวาด ส่วนตัวมองว่าการเรียนของเด็กเล็กไม่น่าจะขึ้นกระดานสอนแล้วทำให้เข้าใจได้เลย แต่การเรียนรู้แบบลงมือทำด้วยตัวเองจะสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่า เช่น บอกเขาว่ามันเลอะนะอย่าเลยเขาจะไม่ค่อยฟัง แต่เมื่อเราปล่อยให้ทำเขาจะเรียนรู้ เข้าใจว่า อ่อ..พอเอามือจุ่มสีแล้วมันจะเปื้อนนะ เลอะได้นะ เป็นต้นค่ะ”

• แม่บัว – ใยบัว พนาภินันท์

แม่บัว ดูแลน้องแบมบี้ – ด.ญ.อินทีวร พนาภินันท์ และด้วยเป็นคุณแม่เต็มเวลา จึงรู้ดีว่ากิจกรรมที่ลูกทำควรมาจากความสนใจของตัวเด็กเอง ทั้งยังบอกแนวทางดีๆ ถึงพ่อแม่ที่กำลังมองหากิจกรรมวันหยุดให้ลูกด้วยค่ะ “คุณแม่รู้จักที่นี่จากคุณแม่เมย์ค่ะ พอมาดูสถานที่ ดูกิจกรรมที่เรียน และให้น้องทดลองเรียนแล้วก็สมัครเรียนเลย เพราะคุณแม่และน้องก็ชอบค่ะ ปกติบัวพูดภาษาอังกฤษกับลูกอยู่แล้ว เริ่มพูดตั้งแต่ลูกอายุได้ขวบครึ่ง เพราะบัวเคยเป็นแอร์โฮสเตสมาก่อนจึงรู้ว่าภาษาเป็นสิ่งสำคัญ ที่นี่ลูกได้ประโยชน์ทั้งกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาทักษะทางภาษาและเรื่องความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กๆสิ่งที่สังเกตเห็นเด็กๆ ทำกิจกรรมเขามีสมาธิ มีความคิดต่อยอดมากขึ้น เช่น สามารถดัดแปลงการต่อบล็อกเป็นรูปแบบต่างๆ ได้ความคิดสร้างสรรค์ถูกพัฒนามากขึ้น โดยส่วนตัวบัวคิดว่า ภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่สำคัญ อีกอย่างครูแอนเองมีทักษะทางภาษาอังกฤษที่ดี บัวเลยค่อนข้างมั่นใจกับเรื่องภาษาอังกฤษของที่นี่ค่ะ ถ้าจะเลือกกิจกรรมสำหรับเด็ก พ่อแม่ต้องดูตัวเด็กเป็นหลักค่ะ ดูความสนใจ ความชอบ บางครั้งการเลี้ยงลูกคงไม่เหมือนในตำรา หรือต้องทำตามตำรา เพราะบัวคิดว่าพ่อแม่ต้องรู้จักลูกตัวเอง รู้ว่าลูกเราเป็นอย่างไร เช่น ลูกชอบศิลปะ การระบายสี หรือสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ การทดลอง (ชอบขุดดิน ขุดทราย) ฯลฯ จากนั้นเราก็ค่อยต่อยอดเพิ่มพูนความรู้ ทักษะนั้นๆ ให้ลูก แต่อย่าลืมทักษะด้านอื่นๆ ที่ต้องเดินไปพร้อมๆ กันด้วยนะคะ”

———————————————————————————-
ที่มา นิตยสาร Mother&Care ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2555 Vol.8 NO.095

ฐิติพันธุ์ชมสว่างเป็นผู้ฝึกสอน CrossFit อายุ 40 ปีจากประเทศจีนฮ่องกง เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อ 15 ปีก่อน เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ศูนย์ออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ผู้อื่นมีสุขภาพดีและมีรูปร่าง เธอแต่งงานแล้วและมีลูกชายคนแรกและใช้เวลาว่างของเธอในการฝึกซ้อมมาราธอน
ฐิติพรรณ จอมสว่าง