ให้ลูกเรียนภาษาอะไรดีในยุค AEC

5/5 - (2 votes)

มีคุณแม่คุณพ่อถามผมเยอะเลยครับว่า ควรจะให้ลูกเรียนภาษาอะไรดี เมื่อเรากลายเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเต็มตัว หรือ AEC ในปลายปี 2558 แล้ว

ก่อนอื่นเรามาเข้าใจให้ตรงกันก่อนนะครับว่าการเป็น AEC นั้นความ ‘เนื้อหอม’ ไม่ได้อยู่ที่ 10 ประเทศสมาชิก AEC แต่อยู่ที่ ‘คู่ค้า’ ที่ทาง AEC มีสัญญาการค้าเสรีไว้ด้วย เช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่พอรวมกันแล้วขนาดก็ราวๆ ครึ่งโลก ทั้งในแง่จำนวนคนและกำลังซื้อ เรื่องนี้ล่ะครับที่ทำให้ประเทศที่เหลือในโลกอยากมาลงทุนค้าขายและตั้งสำนักงานใน AEC ครับ

ทีนี้เราไปดูกันครับว่าแต่ละประเทศ เขามีคนเชื้อชาติอะไรกันบ้างและเขาพูดภาษาอะไรกัน เริ่มกันที่บ้านใกล้เรือนเคียงของเรากันนะครับ ลาวกับพม่า แม้ว่าในสองประเทศนี้เขาจะมีคนหลายเชื้อชาติ หลายชนเผ่าแต่ภาษาหลักที่เขาใช้เป็นภาษาเดียวครับคือ ในลาวใช้ภาษาลาว ในพม่าใช้ภาษาพม่า

ส่วนที่เขมร นี่พิเศษกว่าลาวกับพม่าหน่อยคือ ที่เขมรนี่เขาใช้หลายภาษา คือ ภาษาเขมรเอง อังกฤษ ฝรั่งเศส จีนและเวียดนาม ขณะที่คนเวียดนามเขาใช้ภาษาเวียดนามเป็นหลัก แต่ภาษาทางธุรกิจของคนเวียดนามสามารถใช้ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศสและจีนติดต่อสื่อสารกันได้นะครับ

ฟิลิปปินส์นั้นนอกจากใช้ภาษาตากาล็อกและภาษาอังกฤษกันแล้ว คนฟิลิปปินส์ยังสามารถพูดภาษาสเปน จีนฮกเกี้ยนและจีนแต้จิ๋วกันได้อีกด้วยนะครับ

ที่มาเลเซีย ประเทศที่ผมคิดว่ามียุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศที่น่าสนใจมาก เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว รายได้เฉลี่ยของคนมาเลเซียมากกว่าคนไทยราวๆ 20,000 บาทเท่านั้น คือ เขามีรายได้เฉลี่ยคนละ 70,000 บาทเศษ ส่วนคนไทยมีรายได้เฉลี่ย 50,000 บาท แต่ตอนนี้ไทยเรามีรายได้เฉลี่ยคนละ 170,000 บาทเศษ ขณะที่คนมาเลเซียมีรายได้เฉลี่ยคนละ 320,000 บาทเศษ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาบริหารจัดการประเทศ อย่างมียุทธศาสตร์และเป็นระบบมากกว่าไทย ที่น่าสนใจสำหรับมาเลเซียและน่าเศร้าใจสำหรับไทยคือ อีกราวๆ 5 ปี มาเลเซียเขาจะยกระดับประเทศตัวเองให้ไปเป็นประเทศพัฒนาแล้ว เป็นประเทศที่ 3 ใน AEC ต่อจากสิงคโปร์และบรูไนส่วนไทยเราก็คงยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนาต่อไป คนในมาเลเซียส่วนใหญ่เป็น คนมาเลย์และคนจีนครับ โดยมีคนมาเลย์ 40 เปอร์เซ็นต์ คนจีน 33 เปอร์เซ็นต์ คนอินเดีย 10 เปอร์เซ็นต์ ที่มาเลเซียจึงใช้กันทั้ง 3 ภาษา คือ ภาษามาเลย์ อังกฤษและจีน เหมือนๆ กับที่สิงคโปร์ที่ใช้ทั้ง 3 ภาษานี้ เพราะแต่ก่อนมาเลเซียกับสิงคโปร์นั้นเป็นประเทศเดียวกัน จนกระทั่งมีความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่างคนมาเลย์กับคนจีน สิงคโปร์ก็เลยแยกตัวออกมาจากมาเลเซียเมื่อ 50 ปีที่แล้ว นี่เองครับ คนจีนส่วนใหญ่ก็เลยอพยพออกมาจากมาเลเซียมาอยู่ที่สิงคโปร์ คนจีนในสิงคโปร์ก็เลยเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ คือ มีมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ และมีคนมาเลย์อีกราวๆ 14 เปอร์เซ็นต์ และคนอินเดียอีก 8 เปอร์เซ็นต์

อีกประเทศหนึ่งที่ใช้ทั้งสามภาษานี้คือ บรูไน เพราะคนส่วนใหญ่ที่บรูไนเป็นคนมาเลย์ เกือบๆ 70 เปอร์เซ็นต์ อีก 10 เปอร์เซ็นต์เป็นคนจีน บรูไนก็เลยใช้ภาษาเหมือนๆกับมาเลเซียและสิงคโปร์

ส่วนที่อินโดนีเซียแม้ว่าจะมีภาษาพื้นเมืองมากกว่า 500 ภาษา แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศสามารถใช้ภาษาอินโดนีเซียได้ ภาษาอินโดนีเซียจึงเป็นภาษาหลักของประเทศ ซึ่งภาษาอินโดนีเซีย นี่แทบจะเป็นหนึ่งเดียวกับภาษามาเลย์เลยครับ คนทั้ง 4 ประเทศนี้คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไนและอินโดนีเซีย จึงสามารถพูดคุยกันรู้เรื่องแบบสบายๆ ด้วยภาษามาเลย์ครับ

เพราะฉะนั้นถ้าคุณแม่คุณพ่ออยากให้ลูกเป็นนักธุรกิจใหญ่โตใน AEC ละก้อ ภาษามาเลย์น่าสนใจมากนะครับ ท่านทูตไทยประจำสำนักเลขาธิการอาเซียนที่ผมได้ไปคุยด้วยก็คอนเฟิร์มเรื่องการเรียนภาษามาเลย์ ท่านว่าใครพูดภาษานี้ได้จะมีโอกาสสูงมากที่จะร่ำรวยจากการเป็น AEC เพราะถ้าเดินทางไป 4 ประเทศที่ว่านี้ จะสามารถสื่อสารกับคนพื้นเมืองได้สบายๆ แน่นอนครับ

นึกไม่ออกใช่มั้ยครับว่าภาษามาเลย์พูดยังไง สวัสดีตอนเช้าก็ “เซอลามัต ปากี” ยินดีต้อนรับก็ “เซอลามัต ดาตัง” ส่วนขอบคุณก็ “เตอริมา กาซี” คุ้นๆ กันแล้วใช่มั้ยครับ ผมว่าการออกเสียงภาษามาเลย์นั้นง่ายกว่าภาษาจีน เยอะเลยครับ น่าเรียนมาก

ส่วนภาษาที่อาเซียนเขาตกลงกันให้เป็นภาษาทางการของอาเซียนก็คือ ‘ภาษาอังกฤษ’ ดังนั้นการติดต่อสื่อสารอย่างเป็นทางการระหว่าง 10 ประเทศสมาชิกก็เลยต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักครับ

ผมเลยอยากแนะนำคุณแม่คุณพ่อครับว่า ถ้าอยากจะให้ลูกรักมีความสำเร็จในอนาคตมากกว่าคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน การรู้สองภาษาหรือมากกว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งยวดนะครับ

ภาษาแรกที่ผมอยากให้คุณแม่คุณพ่อเน้นกับลูกๆ คือ ภาษาอังกฤษ เพราะนอกจากจะเป็นภาษาหลักของ AEC แล้วภาษาอังกฤษยังเป็นภาษาที่สามารถใช้ติดต่อสื่อสารได้ทั่วโลกอีกด้วย ซึ่งวันนี้ความสามารถทางภาษาอังกฤษของเด็กไทยนั้นอยู่ในระดับต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับเด็กๆ ในกลุ่ม AEC ด้วยกันครับ

ล่าสุดมีการเอาคะแนนสอบ TOEFL มาเปรียบเทียบกันผลปรากฏว่าเด็กสิงคโปร์กับเด็กมาเลเซียได้คะแนนเฉลี่ย 550 คะแนน ส่วนเด็กพม่า ลาว เขมร ได้คะแนนเฉลี่ย 500 คะแนน ส่วนเด็กไทยได้คะแนนเฉลี่ยเพียง 450 คะแนนต่ำสุดใน AEC เลยครับ

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการสอนภาษาอังกฤษในบ้านเรานั้นมัวแต่ไปเน้นแกรมม่าหรือไวยากรณ์ ถ้าไวยากรณ์ยังไม่เก่ง ครูจะไม่ยอมให้พูดหรือเขียน ซึ่งผมว่าเป็นการสอนภาษาอังกฤษที่ผิดทาง ที่ถูกสำหรับการเรียนภาษาต่างประเทศ ทุกๆ ภาษาก็คือ ต้องเน้นที่การพูด การอ่าน การเขียน ต้องทำให้เด็กมีความสนุกมีความกล้าที่จะพูดหรืออ่านเขียน โดยไม่ต้องห่วงว่าจะผิดไวยากรณ์หรือไม่ ให้เด็กรู้สึกสนุกและกล้าที่จะพูด อ่าน เขียนก่อน เมื่อกล้าและคล่อง แล้วจึงค่อยๆ แก้ไขไวยากรณ์ที่ผิด

ที่สำคัญคุณแม่คุณพ่อต้องหาทางสร้างโอกาสที่ลูกจะได้ใช้ภาษาอังกฤษให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในทุกกิจกรรมประจำวัน ควรจะชวนลูกพูดภาษาอังกฤษแบบสนุกๆตลอดเวลาเลยครับ แป๊บเดียวลูกก็จะเก่ง ไม่ต้องรอเรียนและฝึกเฉพาะในห้องเรียนหรือในห้องเรียนพิเศษเท่านั้น

อย่ากังวลเรื่องการออกเสียงว่าสำเนียงจะไม่เหมือนเจ้าของภาษา ผิดบ้างเพี้ยนบ้างถูกบ้างไม่ใช่ปัญหา เวลาเราได้ยินคนต่างชาติพูดภาษาไทยเพี้ยนๆ เหน่อๆ เรายังรู้สึกว่าคนต่างชาติคนนั้นน่ารักดี แล้วทีเราพูดภาษาอังกฤษเหน่อๆ ทำไมเราจะไม่น่ารักในสายตาคนต่างชาติ จริงมั้ยครับ

อ.เกษมสันต์ วีระกุล
นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญ AEC

Text อ.เกษมสันต์ วีระกุล

————————
ที่มาจากนิตยสาร Mother&Care # 110 Vol.10 February 2014

Comments

comments

ฐิติพันธุ์ชมสว่างเป็นผู้ฝึกสอน CrossFit อายุ 40 ปีจากประเทศจีนฮ่องกง เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อ 15 ปีก่อน เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ศูนย์ออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ผู้อื่นมีสุขภาพดีและมีรูปร่าง เธอแต่งงานแล้วและมีลูกชายคนแรกและใช้เวลาว่างของเธอในการฝึกซ้อมมาราธอน
ฐิติพรรณ จอมสว่าง